บทที่ 2 ตอนที่ 2
เขากระชากร่างอรชรให้หันกลับมาเผชิญหน้า มองดวงหน้างดงามด้วยสายตาที่ลุกเป็นไฟ
“จะรีบไปหาผัวในงานเร็ว ๆ ใช่ไหม”
หญิงสาวน้ำตาไหลพราก มองเขาอย่างผิดหวัง “ถ้าใช่... คุณเอดี้ก็ไม่มีสิทธิ์มาวุ่นวายกับดิฉันนะคะ มันเรื่องส่วนตัว โอ๊ย...!” ลียาร้องอุทานด้วยความเจ็บร้าวที่ต้นแขนเปลือยทั้งสองข้าง เมื่อถูกมือหนาที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าคีมเหล็กขยุ้มเต็มแรง
“ดิฉันเจ็บนะคะ ปล่อยเถอะค่ะ”
แทนที่ชายหนุ่มจะเห็นใจ ตรงกันข้ามกลับยิ่งเพิ่มแรงกดให้มากยิ่งขึ้น จากนั้นก็รั้งร่างอรชรที่หอมกรุ่นยิ่งกว่าดอกไม้ป่าทั้งสวนเข้ามาใกล้ และนั่นก็ทำให้บางส่วนของร่างกายตื่นผงาดขึ้นอย่างน่าตกใจ
“เจ็บสิดี จะได้หัดรู้จักร่านให้น้อยลงบ้าง อย่าลืมสิว่าเธอเป็นญาติของคุณรดา หัดรักษาชื่อเสียงของพี่สะใภ้ใหญ่ของฉันเอาไว้บ้าง ไม่ใช่อยากเมื่อไหร่ก็อ้า” ประกายตาบางอย่างในดวงตากระด้างสีนิลเนื้อดี ทำให้หญิงสาวร้อนวาบไปทั้งตัว
“ทุเรศสิ้นดี!”
แล้วร่างอรชรก็ถูกผลักออกห่างเต็มแรง หญิงสาวเซถอยหลังไปไกลจนเกือบล้ม น้ำตายังคงอาบแก้มเช่นเคย
“ดิฉัน... ขอตัวค่ะ”
หล่อนกัดปากที่สั่นระริกพูดออกไป แต่เอโดเกลยังไม่เลิกโจมตี เขาย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อนอีกครั้ง ใบหน้าหล่อลากดินตอนนี้กระด้างจนน่ากลัว
“แล้วถ้าฉันรู้ว่าเธอให้ท่าผู้ชายคนไหนในงานเลี้ยงละก็...” ชายหนุ่มกระชากร่างอรชรเข้ามาหา มองด้วยสายตากระด้างน่ากลัว
“ฉันฆ่าเธอแน่!”
ร่างอรชรถูกผลักออกห่างอีกครั้ง ก่อนที่คนตัวโตจะก้าวยาว ๆ เดินหนีไปพร้อม ๆ กับพายุโทสะ
หญิงสาวทรุดฮวบลงกองกับพื้น น้ำตาท่วมท้นดวงหน้างาม ทำไมนะ ทำไมเอโดเกลจะต้องทำแบบนี้ด้วย ทำไมเขาจะต้องคอยเข่นฆ่าหล่อนด้วยคำพูดทุกครั้งที่เจอหน้าด้วย ในสายตาของเขาหล่อนต่ำต้อย เลวร้าย เป็นผู้หญิงน่ารังเกียจนักหรือไง
คำตอบคือ ใช่ เพราะในสายตาของผู้ชายหล่อลากดินคนนี้ หล่อนเป็นยิ่งกว่ากิ้งกือใต้ดินแสนสกปรกเสียอีก เขาทั้งเกลียด ทั้งขยะแขยง และแน่นอนว่าเขารอคอยวันที่หล่อนจะย่างเท้าเดินออกไปจากอาณาจักรของตัวเอง
น้ำตาไม่รู้มาจากไหนนักทะลักทลายไหลออกมาอาบแก้ม ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับความเจ็บปวดที่เกิดจากน้ำมือของผู้ชายที่ตัวเองทั้งรัก ทั้งบูชา แต่เขาสิ... ไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลด้วยซ้ำ สักหน่อยก็ไม่เคยพูดให้ดีใจ มีแต่ทับถมด้วยวาจาร้ายกาจทุกครั้งที่เจอหน้า
หญิงสาวสะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ดานีนเดินกลับเข้ามาตามหล่อนอีกครั้งนั่นแหละ
“คุณดา...”
“อย่าร้องไห้เลยลียา...”
ดานีนดึงร่างสั่นเทาของลียาขึ้นมาจากพื้นและกอดปลอบประโลม ลียาก็เหมือนเพื่อนของหล่อน เพราะตอนที่หล่อนเข้ามาในการ์รัสโซ่ พาราไดส์ครั้งแรกก็ได้ลียานี่แหละเป็นเพื่อนคอยช่วยเหลือตลอด ดังนั้นหล่อนเองก็จะไม่ทิ้งลียาเช่นกัน
“สักวัน... ผู้ชายปากแข็งจะต้องยอมขอโทษเธอ”
“คุณดา... หมายถึง...” มือบางยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง
ดานีนระบายยิ้มน้อย ๆ ส่งผ้าเช็ดหน้าให้คู่สนทนาซับน้ำตา “ใครก็ตามที่กำลังหึงเธอจนเป็นบ้าเป็นหลังน่ะ”
ลียายิ้มเศร้า ๆ แม้จะรู้ดีว่าดานีนหมายถึงใคร แต่หล่อนไม่มีทางเชื่อ มันเชื่อไม่ลงจริง ๆ เอโดเกลน่ะเหรอจะหึงหวงหล่อน พระอาทิตย์ขึ้นตอนกลางคืนยังน่าเชื่อถือกว่าเลย หญิงสาวคิดในใจอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
“ขอบคุณคุณดามากค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก เพราะอีกไม่นานเธอจะรู้ว่ามันคือเรื่องจริง” ดานีนระบายยิ้ม คว้าแขนกลมกลึงของลียามากุมเอาไว้
“ไปกันเถอะ คุณแดนรอนานแล้ว”
“ค่ะ คุณดา”
แม้จะก้าวออกมาพ้นจากการ์รัสโซ่ พาราไดส์แล้ว แต่สมองของหล่อนก็ยังจดจำทุกคำพูดของเอโดเกลเอาไว้อย่างแม่นยำ
อีกไม่นานเชื้อโรคแบบหล่อนจะจากเขาไปให้ไกลแสนไกล
ขณะลียากำลังจมอยู่กับความขมขื่นปวดร้าวอยู่ภายในรถลีมูซีนคันงามนั้น ผู้ชายอีกคนที่ยืนถือแก้วเหล้ามองทะลุบานหน้าต่างตามท้ายรถออกไปก็ไม่ได้รู้สึกดีไปกว่ากันเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะตอนนี้เอโดเกลกำลังเป็นบ้า เขากำลังคลุ้มคลั่ง สาเหตุน่ะเหรอ ก็เพราะแม่ลียา สาวใช้จอมเจ้าเล่ห์คนนั้นยังไงล่ะ บ้าชะมัด บ้าที่สุด ทำไมเขาจะต้องมาอึดอัด เดือดดาล และนั่งไม่ติด เพียงเพราะแม่สาวใช้คนนั้นออกไปงานเลี้ยงด้วยนะ
ก็แค่งานเลี้ยง มีผู้ชายหล่อ รวย แม้จะไม่มีใครเทียบหนุ่มการ์รัสโซ่ได้ติดฝุ่น แต่ผู้ชายพวกนั้นก็ถือว่าเพอร์เฟกต์สำหรับสาว ๆ ทั่วไป บางทีแม่นั่น อาจกำลังคิดที่จะใช้งานเลี้ยงที่ตัวเองได้ติดสอยห้อยตามดานีนกับเดนิเรลไป เพื่อหาเศรษฐีสักคนก็ได้
เพล๊ง!
เสียงแก้วแตกกระจายดังลั่นขึ้น โทสะร้ายกระพือขึ้นอย่างรุนแรงภายในร่างกาย แม้จะบอกตัวเองว่าไม่ได้สนใจไยดีอะไรลียา ใช่... เขาพยายามจะมองข้ามหล่อนไป แม้ว่ามันจะทำได้ในบางเวลาเท่านั้นก็ตาม แต่ตอนนี้... เขาทำไม่ได้แล้ว แค่ได้เห็นร่างอรชรในชุดราตรีสีทองแนบเนื้อ เน้นทุกสัดส่วนที่เขาควรจะได้เห็นเพียงคนเดียวให้กับผู้ชายทั้งโลกได้เห็น แค่นี้เขาก็แทบบ้า... ใช่ กำลังจะบ้า!
“ร่าน...” มือหนากำเข้าหากันแน่น
